หนังสือแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับคู่ธุรกิจ หรือคู่ค้า คู่สัญญา และผู้ที่เกี่ยวข้อง
(Privacy Notice For Business Partners, Contracting Parties and Related Persons)
(Privacy Notice For Business Partners, Contracting Parties and Related Persons)
บริษัท ยูโรเซีย เทรดดิ้ง จำกัด (เรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า คู่กิจการ คู่สัญญาและผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา (เรียกรวมกันว่า "ท่าน") ตามพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บัญญัติ
ตามหนังสือแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทมีสถานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data controller) ตามพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งมีการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เนื่องจากบริษัทมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับท่านในปัจจุบัน หรืออาจมีความสัมพันธ์กับท่านเพื่อธุรกิจในอนาคต หรือเนื่องจากบริษัทมีความสัมพันธ์กับพันธมิตร ทางธุรกิจที่ท่านทำงานให้ดำเนินการแทน หรือเป็นตัวแทน เพื่อเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ในการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามฐานทางกฎหมาย (Lawful basis) ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามมาตรา 23 ของพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทจึงได้ออกหนังสือแจ้ง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับคู่ธุรกิจ หรือคู่ค้า คู่สัญญา และผู้ที่เกี่ยวข้องของสัญญาฉบับนี้ ซึ่งจะอธิบายถึงลักษณะและเหตุผลของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
หนังสือแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เป็นไปตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเอกสารฉบับนี้ตามที่เห็นสมควรและจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว หนังสือแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้มีผลใช้บังคับทันทีในวันที่ประกาศ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ เราอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหลายประเภท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลที่ใช้ในการยืนยันตัวตน เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขที่และข้อมูลบนบัตรประชาชน รูปถ่าย และข้อมูลในรูปแบบ ต่างๆ ที่ใช้ในการระบุตัวตน
2. ข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อ เช่น ข้อมูลนามบัตร ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งงาน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ที่ทำงาน โซเชียลมีเดีย
3. ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานหรือปฏิบัติตามสัญญาของท่าน เช่น ข้อมูลประวัติ และการปฏิบัติงานข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน และข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของท่าน รวมทั้งข้อมูลบัญชีและการเงิน เช่น ค่าตอบแทน หมายเลขบัญชีธนาคาร
4. ข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรม เช่น ประวัติการร่วมกิจกรรมในครั้งก่อนๆ
5. เมื่อท่านเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท ที่มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (“กล้อง CCTV”) บริษัทอาจเก็บภาพของท่านจากกล้อง CCTV ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เก็บข้อมูลเสียงผ่านทางกล้อง CCTV และบริษัทจะติดป้ายแจ้งให้ท่านทราบว่ามีการใช้กล้อง CCTV ในบริเวณพื้นที่ของบริษัท
6. ในกรณีที่ท่านใช้บริการ Wi-Fi ของบริษัท อาจต้องมีการลงทะเบียนเพื่อใช้บริการ โดยข้อมูลส่วนบุคคล
ที่บริษัทเก็บรวบรวมจะใช้เพื่อดำเนินการให้บริการ Wi-Fi แก่ท่าน เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ประวัติการใช้งาน เป็นต้น
7. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ ความเชื่อในลัทธิศาสนา ปรัชญา เชื้อชาติ สัญชาติ เป็นต้น
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัททำการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางตามที่ท่านได้ส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในการติดต่อขายสินค้า ให้บริการ หรือมีธุรกรรมใดๆ กับบริษัท หรือผ่านเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ หรือการติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ บริษัททำการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่านโดยอาศัย cookies (โปรดดู Cookies Policy ของแต่ละบริษัทที่ท่านเข้าใช้งานเว็บไซด์)
วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอยู่บนฐานทางกฎหมาย ดังนี้
1. เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น เช่น การตรวจสอบคู่สัญญา การบริหารสัญญา การจัดทำสัญญา รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามสัญญา การชำระค่าสินค้าและค่าบริการ การตรวจสอบและประเมินการทำงานตามข้อสัญญาหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
2. เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น กฎหมายภาษีอากร
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์
3. เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคล
หรือนิติบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ใช่บริษัท เช่น เพื่อการบริหารจัดการทางด้านธุรกิจของบริษัท การพัฒนาสินค้าและบริการ การวิจัย การตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกง หรืออาชญากรรมอื่นๆ การบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ เพื่อความปลอดภัยทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท
4. เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการ
ยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
5. เมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอม เช่น เพื่อการทำวิจัยทางการตลาด และการแจ้งข่าวสารและข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ
ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากท่านในการดำเนินกิจกรรมที่มีการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านในเรื่องดังกล่าวเป็นรายกรณีไป
การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมเท่านั้น ในกรณีที่บริษัทมีความ จำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่น บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบโดยเร็ว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
เพื่อความจำเป็นและเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามหนังสือฉบับนี้ บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลและนิติบุคคลต่างๆ อาทิเช่น
1. ผู้ให้บริการ ผู้รับจ้าง ตัวแทน และคู่สัญญาของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
2. หน่วยงานราชการ และหน่วยงานประเภทอื่นๆ ตามกฎหมาย
การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ
บริษัทอาจต้องเปิดเผย หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศซึ่งอาจมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สูงกว่า หรือต่ำกว่าประเทศไทย เช่น เมื่อบริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบนแพลตฟอร์มคลาวด์ หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย หรือเพื่อใช้บริการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเมื่อมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทจะดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่ามีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกโอนไปในระดับที่เพียงพอ หรือ ดำเนินการให้มั่นใจว่ากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้โอนข้อมูลได้ เช่น บริษัทอาจต้องได้รับคำยืนยันตามสัญญาจากบุคคลภายนอกที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกโอนว่าข้อมูลดังกล่าวจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อมีการโอนไปยังต่างประเทศโปรดติดต่อบริษัทตามรายละเอียดในหัวข้อ “ติดต่อบริษัท “
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่ป้องกันมิให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวมสูญหายโดยอุบัติเหตุ หรือถูกเข้าถึง เปิดเผย หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยมิชอบหรือโดยปราศจากอำนาจ บริษัทจะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งการเข้าถึงโดยพนักงาน ตัวแทน ผู้รับจ้าง หรือบุคคลที่สาม บริษัทจะอนุญาตเฉพาะบุคคลที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตน ในกรณีที่บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะกำกับดูแลให้บุคคลที่สามประมวลผลตามคำสั่งของบริษัทอย่างเหมาะสม
ระยะเวลาในการจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้รับข้อมูลมา และเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้บริษัทอาจต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นั้นตามที่กฎหมายกำหนด
สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด และภายใต้กระบวนการจัดการสิทธิของบริษัท ท่านมีสิทธิต่อไปนี้
1. ขอถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2. ขอเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
3. ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเลกทรอนิกส์ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไปยังบุคคลอื่น
4. คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน
5. ขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
6. ขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้
7. ร้องขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
8. ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลรวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านสามารถใช้สิทธิดังกล่าวตามกฎหมาย โดยใช้แบบคำขอใช้สิทธิ หรือแบบคำขอถอนความยินยอม ที่ปรากฏ อยู่บนเว็บไซต์ของบริษัท และส่งมาที่บริษัทตามช่องทางที่ปรากฎในหัวข้อ “ติดต่อบริษัท” หรือท่านอาจติดต่อบริษัทโดยตรงได้ผ่านช่องทางดังกล่าว ซึ่งท่านจะเริ่มใช้สิทธิได้เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้อาจมีกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องจำกัดการใช้สิทธิใดๆ ข้างต้น หรืออาจมีบางกรณีที่บริษัทสามารถปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามสมควร และโดยชอบ เช่น ในกรณีที่บริษัทปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ คำสั่งศาล โดยหากบริษัทปฏิเสธคำขอของท่านด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทจะแจ้งเหตุผลให้ท่านทราบ หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัทเป็นการละเมิดกฎหมายว่าด้วย
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ท่านมีสิทธิร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตามหากท่านมีข้อร้องเรียนใดๆ โปรดติดต่อบริษัทเป็นลำดับแรกก่อนที่ท่านจะติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โอกาสบริษัทในการดำเนินการแก้ไขตามข้อร้องเรียนของท่านอย่างเหมาะสม
ติดต่อบริษัท
หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ และกิจกรรมของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดด้านล่างโดยบริษัทยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือท่าน ให้ข้อมูลข้อเสนอแนะ และแก้ไขข้อร้องเรียนต่างๆ
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
บริษัท ยูโรเซีย เทรดดิ้ง จำกัด
ที่อยู่ 37,39 ซอย 86 ถนนเพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160
โทรศัพท์:66 (0) 2804-8642-5
โทรสาร:66 (0) 2804-8204
อีเมล hr@eurosiatrading.com
หมายเหตุ คณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer) อยู่ระหว่างการแต่งตั้ง
30 พฤษภาคม 2565